เชื่อว่านักลงทุนมือใหม่หลายคนมักจะตั้งความหวังกับการลงทุนอยู่เสมอ ว่าจะต้องได้ผลตอบแทนมาก ๆ ในระยะเวลาอันสั้น แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะลงทุนอะไรดี เราแนะนำให้ทุกท่านเลือกลงทุนกับความรู้ความเข้าใจก่อน ว่าการลงทุนแต่ละประเภทเป็นอย่างไร ลงทุนในสินทรัพย์อะไร มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน จากนั้นจึงมาให้เวลากับการลงทุน ให้เงินทำงานแทนเราต่อไป
ซึ่งผลตอบแทนรวมถึงความเสี่ยงของรูปแบบการลงทุนแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น ฝากธนาคาร หุ้น ตราสารหนี้ หรือทองคำ ก็จะมีความแตกต่างกันไป ซึ่งการลงทุนแบบไหนที่จะให้ผลตอบแทน 8 – 10% ต่อปีกัน และต้องทำอย่างไรถึงมีแนวโน้มที่จะเป็นจริงได้ วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกัน

ผลตอบแทนย้อนหลัง การลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ
เชื่อว่านักลงทุนมือใหม่หลายคนอยากจะมองหาการลงทุนอะไรดี ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ได้ผลตอบแทนสูง ต้องบอกเลยว่าไม่มีจริง ๆ การลงทุนทุกอย่างคือ High Risk High Expected Return เพื่อให้เห็นภาพ เราจะมาชวนดูกันนะคะว่าถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2009 – 2018 ช่วงที่เห็นความต่างของผลตอบแทนของสินทรัพย์แต่ละประเภทว่าเป็นยังไงกันบ้าง ไปดูข้อมูลจากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกัน
Year | SET TRI (%) | Bond Index (%) | Gold Price (%) | Deposit (%) | Inflation Rate (%) | PF&REIT (%) |
2009 | 71.35 | -4.18 | 32.41 | 0.76 | -0.09 | – |
2010 | 47.80 | 5.76 | 10.75 | 1.49 | 3.30 | 22.80 |
2011 | 3.69 | 5.61 | 25.13 | 2.74 | 3.81 | 7.63 |
2012 | 40.53 | 3.30 | -1.41 | 2.41 | 3.02 | 43.00 |
2013 | -3.63 | 2.14 | -22.26 | 2.21 | 2.18 | 5.44 |
2014 | 19.12 | 9.37 | -1.56 | 1.73 | 1.89 | 6.47 |
2015 | -11.23 | 5.09 | -2.78 | 1.39 | –0.90 | 12.22 |
2016 | 23.85 | 1.61 | 7.19 | 1.37 | 0.60 | 16.58 |
2017 | 17.30 | 5.45 | 2.09 | 1.37 | 0.66 | 9.33 |
2018 | -8.08 | 1.19 | -1.63 | 1.37 | 1.07 | 13.52 |
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
จากตาราง จะเห็นว่าสินทรัพย์แต่ละประเภทสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงมากไปจนถึงติดลบ ตัวอย่างเช่น SET TRI ที่ในปี 2012 ให้ผลตอบแทนสูงถึง 40.53% ต่อปี แต่ในปีต่อมาหุ้นหลับตกฮวบจนติดลบที่ -3.63% ต่อปี ส่วนทองคำให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 32 % ต่อปีแต่ก็เคยติดลบหนักถึง 22 % ต่อปี ในด้านการฝากเงินค่ะดอกเบี้ยเคยสูงสุดแค่ 2.7% ต่อปีเท่านั้นเองแต่เงินเฟ้อเคยพุ่งขึ้นไปถึง 5.5 % ต่อปีเลยทีเดียว
ตารางตัวเลขผลตอบแทนของการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทแบบเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง การลงทุนแต่ละประเภทให้ผลตอบแทนเฉลี่ย ดังนี้
ตลาดหลักทรัพย์ (SET TRI) = 20.07 % ต่อปี
พันธบัตร (Bond Index) = 5.03 % ต่อปี
ราคาทอง (Gold Price) = 4.79 % ต่อปี
เงินฝาก (Deposit) = 1.68 % ต่อปี
กองทุนอสังหาฯ (PF&REIT) = 15.22 % ต่อปี
อัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) =1.55 % ต่อปี
ลงทุนยังไง ให้ได้ผลตอบแทน 8 – 10% ต่อปี ?

จากสถิติข้างต้น ถ้าหากเราคิดแบบเจาะ Time Frame mี่สั้นลงมาเรื่อย ๆ จะพบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยจะค่อย ๆ ลดลง เช่น ตลาดหลักทรัพย์ หากดูเพียง 5 ปี คือ 2014 – 2018 จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็น 8.19 % ต่อปี ซึ่งน้อยกว่าการลงทุนในระยะเวลา 10 ปีถึง 2.4 เท่า
เราจึงอยากแนะนำ นักลงทุนมือใหม่ที่หวังการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูง ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ใน 1 – 2 ปี จากสถิติแสดงให้เห็นว่าเราต้องให้เวลากับการลงทุน เลือกลงทุนระยะยาวอย่างน้อย 5 -10 ปีเป็นต้นไป หรือที่เรียกกันว่า อดทนรวย ให้เป็น
ที่สำคัญต้องมีความเข้าใจในการลงทุนแต่ละประเภทที่เลือกลงทุนด้วย ยกตัวอย่างเช่น กองทุนอสังหาฯ หรือ REITs ให้ผลตอบแทนสูงถึงกว่า 15 % ต่อปี แต่ถึงจะเห็นว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาฯ ดี ๆ แบบนี้ ก็ต้องระวังกันนิดนึง เพราะว่ากองทุนรวมประเภทนี้จะมีลักษณะเฉพาะของสินทรัพย์ที่ไปลงทุน ที่มีความเสี่ยงจากเรื่องของกรรมสิทธิ์แบบ Freehold และ Leasehold
การที่เรานำเงินไปวางในการลงทุนรูปแบบที่แตกต่างกัน ปลายทางผ่านไป 10 ปีผลตอบแทนต่างกันสิ้นเชิง แนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว เพราะว่าถ้าเราลงทุนในหุ้นอย่างเดียว หากเจอวิกฤต เงินลงทุนของเราอาจจะหายไปเกือบครึ่งนึงเลย หรือสมมติว่าเราไปซื้อทองคำปี 2013 เราก็จะเจ็บตัวไม่เบาเช่นกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญของหลักการของการลงทุนเลยคือ “การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท (Asset Allocation)” เพื่อให้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ต่างชนิดมีการทานกันแล้วทำให้พอร์ตการลงทุนของเรายังมีผลตอบแทนโดยรวมที่ยังพอไปได้
หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนคงพอจะเห็นภาพของการลงทุนแล้วว่าลงทุนอะไรดี ที่ทำให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ นอกจากนี้เรายังไม่แนะนำให้นักลงทุนเลือก คัดเลือกหุ้น รายตัวแล้วถือยาว ๆ เพราะแม้เราจะดูว่าแนวโน้มดี แต่ในอนาคตอาจจะไม่ได้ดีออย่างตอนนี้ ลองเลือกที่จะลงทุนในอะไรที่มั่นคงกว่า อย่างกองทุนรวมน่าจะมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้มากกว่า ที่สำคัญสามารถเลือกสินทรัพย์ในการลงทุนรวมถึงนโยบายการลงทุนที่ตรงใจเราได้ มีผู้เชี่ยวชาญทางการเงินช่วยดูแล ก็จะช่วยให้การลงทุนของเราง่ายยิ่งขึ้น
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุน ที่นี่ : https://www.youtube.com/watch?v=EOmxhMkFQns