วิธีใช้ fvg ทำกำไร fair value gap คือ

วิธีใช้ fvg ทำกำไร

วิธีใช้ FVG ทำกำไร

ผมจะพาคุณไปเจาะลึกเทคนิค “FVG” (Fair Value Gap) เครื่องมือลับที่นักเทรดมืออาชีพหลายคนใช้เพื่อจับจังหวะเข้าซื้อขายที่ได้เปรียบ และทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ

เพราะความรู้เรื่อง FVG ที่ผมกำลังจะแบ่งปันนี้ จะเป็นเหมือน “อาวุธลับ” ที่จะยกระดับการเทรดของคุณไปอีกขั้น คุณจะได้เรียนรู้วิธีการมองหา “ช่องว่างแห่งโอกาส” ที่ซ่อนอยู่ในกราฟราคา ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจเทรดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น และลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่า FVG คืออะไร และมันทรงพลังขนาดไหน?  ตามผมมาเลยครับ ผมจะค่อยๆ อธิบายทุกอย่างให้คุณเข้าใจอย่างละเอียด พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน คุณได้นั่งเรียนข้างๆ ผมเลยทีเดียว!

ลองจินตนาการดูนะครับ… หลังจากที่คุณเข้าใจและนำเทคนิค FVG ไปใช้ คุณจะสามารถ:

  • มองเห็นจุดเข้าซื้อขายที่แม่นยำ: ลดโอกาสการเข้าเทรดในจุดที่ไม่ดี และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว
  • เข้าใจแรงซื้อแรงขายในตลาด: ทำให้คุณคาดการณ์ทิศทางราคาได้ดีขึ้น
  • ลดความเสี่ยงในการเทรด: โดยการตั้ง Stop Loss ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามโครงสร้างของ FVG
  • เพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจเทรด: เพราะคุณมีเหตุผลทางเทคนิคที่ชัดเจนรองรับการตัดสินใจของคุณ

นี่ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันครับ! นักเทรดหลายคนทั่วโลก รวมถึงตัวผมเอง ก็ใช้เทคนิค FVG ในการทำกำไรจากตลาดอย่างสม่ำเสมอ และวันนี้ ผมจะมาเปิดเผยเคล็ดลับนี้ให้คุณได้รู้เช่นกัน

วิธีใช้ FVG ทำกำไร

วิธีใช้ FVG ทำกำไร รู้เรื่องนี้ เทรดทำกำไรแม่นขึ้นทันที! กันเลยครับ!

1. FVG (Fair Value Gap) คืออะไร? ทำไมมันถึงสำคัญ?

FVG หรือ Fair Value Gap หรือบางครั้งเรียกว่า Imbalance คือ “ช่องว่างของราคา” ที่เกิดขึ้นบนกราฟแท่งเทียน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายในช่วงเวลานั้นๆ

ลองนึกภาพตามนี้นะครับ:

  • แรงซื้อมากเกินไป: หากมีแรงซื้อเข้ามาในตลาดอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิด “ช่องว่าง” ระหว่างราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า กับราคาสูงสุดของแท่งเทียนปัจจุบัน โดยที่ไม่มีการ “เติมเต็ม” ราคาในช่วงนั้น
  • แรงขายมากเกินไป: ในทางกลับกัน หากมีแรงขายถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ราคาจะร่วงลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิด “ช่องว่าง” ระหว่างราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า กับราคาต่ำสุดของแท่งเทียนปัจจุบัน โดยไม่มีการ “เติมเต็ม” ราคาในช่วงนั้นเช่นกัน

ทำไม FVG ถึงสำคัญ?

FVG เปรียบเสมือน “ร่องรอย” ของคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในตลาด สถาบันการเงินหรือนักลงทุนรายใหญ่ (Smart Money) มักจะทิ้งร่องรอยเหล่านี้ไว้ และตลาดมักจะพยายามกลับไป “เติมเต็ม” (Fill) ช่องว่างเหล่านี้ในอนาคต

เปรียบเทียบให้เห็นภาพ: ลองนึกถึงการก่อสร้างตึก หากมีช่องว่างระหว่างชั้นต่างๆ ที่ยังไม่ได้เติมเต็ม โครงสร้างของตึกก็จะยังไม่สมบูรณ์และอาจไม่มั่นคง ตลาดก็เช่นกัน มักจะพยายามกลับไป “เติมเต็ม” ช่องว่าง FVG เพื่อสร้างความสมดุลของราคา

2. โครงสร้างของ FVG: วิธีสังเกตและระบุ FVG บนกราฟ

การระบุ FVG บนกราฟราคาไม่ใช่เรื่องยากครับ สิ่งที่คุณต้องมองหาคือ แท่งเทียน 3 แท่งเรียงกัน ที่มีลักษณะเฉพาะดังนี้:

  • Bullish FVG (FVG ขาขึ้น):

    • ราคาสูงสุดของแท่งเทียนแรก
    • ช่องว่าง (FVG) ระหว่างราคาสูงสุดของแท่งเทียนแรก กับราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่สาม
    • ราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่สาม

    ตัวอย่าง: สมมติว่ามีแท่งเทียนสีเขียวแท่งแรกปิดที่ราคา 105 บาท แท่งเทียนสีเขียวแท่งที่สองปิดที่ราคา 110 บาท และแท่งเทียนสีเขียวแท่งที่สามเปิดที่ราคา 112 บาท จะเกิดช่องว่าง FVG ขาขึ้นระหว่างราคา 105 บาท (ราคาสูงสุดของแท่งแรก) กับ 112 บาท (ราคาต่ำสุดของแท่งที่สาม)

  • Bearish FVG (FVG ขาลง):

    • ราคาต่ำสุดของแท่งเทียนแรก
    • ช่องว่าง (FVG) ระหว่างราคาต่ำสุดของแท่งเทียนแรก กับราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่สาม
    • ราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่สาม

    ตัวอย่าง: สมมติว่ามีแท่งเทียนสีแดงแท่งแรกปิดที่ราคา 95 บาท แท่งเทียนสีแดงแท่งที่สองปิดที่ราคา 90 บาท และแท่งเทียนสีแดงแท่งที่สามเปิดที่ราคา 88 บาท จะเกิดช่องว่าง FVG ขาลงระหว่างราคา 95 บาท (ราคาต่ำสุดของแท่งแรก) กับ 88 บาท (ราคาสูงสุดของแท่งที่สาม)

ข้อสังเกตสำคัญ:

  • FVG ที่สมบูรณ์คือช่องว่างที่ “ไม่มีไส้เทียน” ของแท่งเทียนตรงกลาง (แท่งเทียนที่สอง) แตะถึงขอบของช่องว่างเลย
  • FVG สามารถเกิดขึ้นได้ในทุก Timeframe แต่ FVG ใน Timeframe ที่ใหญ่กว่า มักจะมีนัยสำคัญมากกว่า

3. วิธีใช้ FVG ในการระบุจุดเข้าซื้อ (Buy Entry)

FVG ขาขึ้น มักจะเป็น “แม่เหล็กราคา” ที่ดึงดูดให้ราคาในอนาคตกลับลงมาทดสอบ (Retest) ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อ นี่คือแนวทางการใช้ Bullish FVG ในการหาจุดเข้าซื้อ:

  1. ระบุ Bullish FVG: มองหาแท่งเทียน 3 แท่งที่มีลักษณะตามที่อธิบายไว้ข้างต้น
  2. รอราคาย่อตัวลงมาที่ FVG: เมื่อราคาปรับตัวลงมาบริเวณ FVG (โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณ 50% ของ FVG หรือที่เรียกว่า Mean Threshold) นี่อาจเป็นสัญญาณของการเข้าซื้อ
  3. มองหาสัญญาณยืนยันการกลับตัว: ก่อนที่จะเข้าซื้อ ควรพิจารณาสัญญาณยืนยันการกลับตัว เช่น แท่งเทียนกลับตัว (Pin Bar, Engulfing), Divergence บน Indicator (RSI, MACD) ใน Timeframe ที่เล็กลง
  4. ตั้ง Stop Loss: วาง Stop Loss ใต้ราคาต่ำสุดของ Bullish FVG เล็กน้อย เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
  5. ตั้ง Target Profit: กำหนดเป้าหมายทำกำไรตามแนวต้านถัดไป หรือ Fibonacci Extension

ตัวอย่าง:

สมมติว่าคุณเห็น Bullish FVG บนกราฟ H1 ของคู่เงิน EUR/USD ที่ราคา 1.1050 – 1.1060 หลังจากนั้น ราคาได้ปรับตัวขึ้นไปเล็กน้อย แล้วย่อตัวกลับลงมาบริเวณ 1.1055 (ประมาณ 50% ของ FVG) คุณสังเกตเห็นแท่งเทียน Pin Bar สีเขียวเกิดขึ้นในบริเวณนี้ นี่อาจเป็นสัญญาณยืนยันการกลับตัว คุณจึงตัดสินใจเข้าซื้อที่ราคา 1.1055 ตั้ง Stop Loss ที่ 1.1045 และตั้ง Target Profit ที่แนวต้านถัดไปที่ 1.1100

เปรียบเทียบ: การเข้าซื้อโดยไม่พิจารณา FVG อาจทำให้คุณเข้าซื้อในจุดที่ไม่ดี เช่น ซื้อเมื่อราคากำลังจะย่อตัว หรือตั้ง Stop Loss ที่ใกล้เกินไป ทำให้โดน Stop Hunt ได้ง่าย แต่การใช้ FVG ช่วยให้คุณมี “โซน” ที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ และมีระดับ Stop Loss ที่สมเหตุสมผลมากขึ้น

4. วิธีใช้ FVG ในการระบุจุดขาย (Sell Entry)

ในทางตรงกันข้าม Bearish FVG มักจะเป็น “แนวต้าน” ที่ราคาในอนาคตอาจปรับตัวขึ้นไปทดสอบ ก่อนที่จะร่วงลงต่อ นี่คือแนวทางการใช้ Bearish FVG ในการหาจุดเข้าขาย:

  1. ระบุ Bearish FVG: มองหาแท่งเทียน 3 แท่งที่มีลักษณะตามที่อธิบายไว้ข้างต้น
  2. มองหาสัญญาณยืนยันการกลับตัว: ก่อนที่จะเข้าขาย ควรพิจารณาสัญญาณยืนยันการกลับตัว เช่น แท่งเทียนกลับตัว (Pin Bar, Engulfing)

5. การใช้ FVG ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ

FVG เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในตัวของมันเอง แต่การใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเทรดของคุณมากยิ่งขึ้น นี่คือตัวอย่างเครื่องมือที่คุณสามารถนำมาใช้ร่วมกับ FVG:

  • แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance): มองหา FVG ที่เกิดขึ้นบริเวณแนวรับแนวต้านที่สำคัญ หากราคามาทดสอบ FVG บริเวณแนวรับที่แข็งแกร่ง (สำหรับ Bullish FVG) หรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง (สำหรับ Bearish FVG) จะเพิ่มโอกาสในการกลับตัวของราคา
  • Order Blocks: Order Blocks คือแท่งเทียนสุดท้ายก่อนการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรุนแรงที่สร้าง FVG การพิจารณา Order Block ร่วมกับ FVG จะช่วยให้คุณหาจุดเข้าเทรดที่มีความแม่นยำสูงขึ้น

6. ข้อควรระวังและสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อใช้ FVG

แม้ว่า FVG จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็มีบางสิ่งที่ควรระวังและนำมาพิจารณาเมื่อใช้งาน:

  • FVG ไม่ได้ถูกเติมเต็มเสมอไป: แม้ว่าตลาดมักจะพยายามกลับไปเติมเต็ม FVG แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้ง บางครั้งราคาอาจเคลื่อนไหวต่อไปโดยไม่กลับมาที่ FVG
  • FVG ใน Timeframe เล็ก อาจมีนัยสำคัญน้อยกว่า: FVG ที่เกิดขึ้นใน Timeframe ที่ใหญ่กว่า (เช่น H4, Daily) มักจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า FVG ใน Timeframe ที่เล็กกว่า (เช่น M15, M30)
  • FVG ที่เกิดขึ้นในช่วงข่าวสำคัญ อาจมีความผันผวนสูง: การเทรด FVG ในช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากราคาอาจเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้ FVG ถูกละเลยได้
  • การ “คาดหวัง” การเติมเต็ม FVG มากเกินไป อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ดี: อย่าพยายามบังคับให้ราคาต้องกลับมาที่ FVG เสมอไป ให้รอสัญญาณยืนยันการกลับตัวก่อนที่จะเข้าเทรด
  • FVG ที่ถูก “Mitigated” แล้ว อาจหมดความสำคัญ: เมื่อราคาได้กลับมาทดสอบและปิดเหนือ (สำหรับ Bullish FVG) หรือต่ำกว่า (สำหรับ Bearish FVG) FVG นั้นแล้ว FVG นั้นอาจหมดความสำคัญและไม่ควรนำมาพิจารณาในการเทรดครั้งต่อไป

สรุป: พลังของ FVG ในการเทรดทำกำไร

มาถึงตรงนี้ คุณคงเห็นแล้วว่า วิธีใช้ fvg ทำกำไร ไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่องว่างบนกราฟราคา แต่เป็น “ขุมทรัพย์แห่งโอกาส” ที่ซ่อนอยู่ หากคุณเข้าใจวิธีการระบุและนำ FVG ไปใช้ร่วมกับหลักการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ คุณจะสามารถ:

  • ยกระดับความแม่นยำในการหาจุดเข้าซื้อขาย
  • เข้าใจพลวัตของราคาและแรงซื้อแรงขายในตลาด
  • บริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ

จำไว้ว่า: การเรียนรู้และทำความเข้าใจ FVG เป็นเพียงจุดเริ่มต้น การนำไปฝึกฝนและประยุกต์ใช้ในการเทรดจริงอย่างสม่ำเสมอต่างหาก ที่จะช่วยให้คุณกลายเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

อย่าหยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ! ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การที่คุณพร้อมที่จะปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว

หากคุณชื่นชอบความรู้และเทคนิคการเทรดดีๆ แบบนี้ และต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ICT (Inner Circle Trader) แนวคิดการเทรดขั้นสูง รวมถึงการใช้ FVG ในบริบทต่างๆ อย่าลืมติดตามช่อง YouTube ของ “ICT Trader” นะครับ!