พูดถึงเรื่องที่ใคร ๆ อยากทำให้สำเร็จ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของเงิน ๆ ทอง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ปัจจุบันเรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวสุดหัวใจในการสานฝันให้ตัวเองสามารถมีอิสรภาพทางการเงินที่ และหันมาสนใจการลงทุนในรูปแบบต่างๆ กันมากขึ้น แต่เส้นทางการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในทุกขั้นตอนของการลงทุน โดยเฉพาะ การจัดพอร์ต การลงทุน นับว่าเป็นขั้นตอนการวางแผนที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าหากจะผิดพลาดอาจจะทำให้ขาดทุนแทนได้กำไรซะงั้น และในบทความนี้เราจะพาทุกท่านมาลองทำตาม 4 ขั้นตอน ออกแบบพอร์ตกองทุนรวมที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ให้ได้ลองนำไปปรับใช้กัน
ทำความรู้จักการจัดพอร์ต การลงทุน
หลายคนที่เพิ่งลงทุนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องจัดพอร์ต แล้วจัดพอร์ตการลงทุนคืออะไร ? การจัดพอร์ตการลงทุนก็คือ การวางแผนที่จะจัดสรรเงินลงทุนไปไว้ในสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงไม่ให้เราต้องรับความเสี่ยงมากเกินไปในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ซึ่งก่อนเราจะมาเริ่มจัดพอร์ตเป็นของตัวเอง เราก็จำเป็นจะต้องรู้ว่าเราสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน มีเงินทุนเท่าไร หวังผลตอบแทนกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เราสามารถจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรารับได้นั่นเอง

4 ขั้นตอนจัดพอร์ตกองทุนรวม ด้วยตัวเอง
จัดพอร์ตการลงทุนอาจจะดูเป็นเรื่องยากและไกลตัว แต่ความจริงเราสามารถเริ่มต้นทำได้ด้วยตัวเองแล้วจึงอาจจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพิ่มเติมได้ เริ่มทำได้ด้วย 4 ขั้นตอนนี้
1. กำหนดเป้าหมายของการจัดพอร์ต
ในการจัดพอร์ตการลงทุนควรเริ่มจากการตั้งเป้าหมาย ขั้นแรกเราจำเป็นต้องจัดพอร์ตตามเงื่อนไข ระยะเวลาและลำดับความสำคัญที่แตกต่างกันไป เพราะว่าในแต่ละกองทุนก็จะมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวังที่แตกต่างกันเช่นกัน
ตัวอย่างเป้าหมายการลงทุน
- เป้าหมายเพื่อเก็บเงินไว้เรียนต่อต่างประเทศ 400,000 บาทในอีก 3 ปี เป็นเป้าหมายระยะสั้น ยังไม่ควรเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงจนเกินไป อย่างกองทุนรวมตราสารทุน
- เป้าหมายเพื่อมีเงินก้อนไว้ใช้ในยามเกษียณ 4 ล้านบาทในอีก 20 ปี เป็นเป้าหมายเหลือยาวก็สามารถเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นได้ อย่างกองทุนรวมตราสารเงินหรือกองทุนรวมตราสารหนี้
2. เข้าใจความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้
เมื่อตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนได้แล้ว สิ่งต่อมาที่เราจำเป็นต้องทำก็คือทำความรู้จักตัวเองนี่แหละ ดูซิว่าเรามีเงินทุนเท่าไรและสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน
โดยปกติแล้วถ้าหากเป็น First Jobber คนที่เพิ่งเริ่มทำงานรุ่นใหม่ไฟแรง ก็จะเหมาะกับการลงทุนระยะยาวที่มีความเสี่ยงปานกลาง เพื่อให้พอร์ตการลงทุนของเราค่อยๆโตขึ้นโตขึ้นและสั่งสมได้เป็นพอร์ตการลงทุนที่ใหญ่ในระยะยาว
หรือหากเป็นในช่วงวัยทำงานจนถึงวัยกลางคนแล้วพอร์ตการลงทุนก็ไม่ควรจะมีความเสี่ยงสูงจนเกินไปเราเลือกลงทุนในกองทุนระยะสั้นอาจจะเหมาะมากกว่า หรือถ้าหากมีเงินทุนเหลือกว่าจะเลือกกันลงทุนในด้านอื่น ๆ เพิ่มความมั่งคั่งได้ อย่างการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างหุ้นหรือคริปโต ควบคู่ไปด้วยก็ได้
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสมัคร Binance เพื่อเริ่มเทรดคริปโต : https://www.youtube.com/watch?v=VZfzbKE7Zvc

3. เริ่มต้นจัดพอร์ต การลงทุน
หลังจากเราทำการกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนและเข้าใจตัวเองแล้วว่าจะมารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน จะมาก็มาถึงขั้นตอนสำคัญคือเราสามารถจัดพอร์ตการลงทุนกันได้เลย
ในวัยเริ่มทำงาน ยังมีแรงในการสร้างเงิน ก็สามารถลองลงทุนแบบความเสี่ยงสูงได้ คาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี อาจจัดพอร์ตเชิงรุก คือเลือกลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงเป็นส่วนใหญ่
ในวัยกลางคน รับความเสี่ยงระดับปานกลาง เพราะมีภาระมากขึ้นต้องมีการวางแผนให้ดี ไม่ควรรับความเสี่ยงสูงเกิน คาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปี อาจจัดพอร์ตเชิงปานกลาง – รับ เลือกลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำเป็นส่วนใหญ่
โดยแบ่งพอร์ตการลงทุนหลัก ๆ ออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
พอร์ตลงทุนระยะสั้น
พอร์ตการลงทุนในระยะสั้น ส่วนใหญ่เป็นพอร์ตเพื่อเป้าหมายในระยะเวลา 3 – 5 ปีข้างหน้า อย่างการซื้อบ้าน แต่งงานหรือวางแผนการศึกษาต่อ ซึ่งแม้ว่าจะได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงก็ตาม แต่ความเสี่ยงนับว่าต่ำมาก
พอร์ตลงทุนระยะกลาง
เหมาะกับคนที่มีเงินทุนในการลงทุนหลายพอร์ต โดยพอร์ตนี้จะเน้นในการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เพื่อให้ได้รับ Passive Income เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพอร์ตนี้ก็อาจจะต้องมีความเข้าใจ และมีกลยุทธ์ในการลงทุนกันพอสมควร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ได้ตามที่ต้องการ
พอร์ตลงทุนระยะยาว
สำหรับพอร์ตการลงทุนในระยะยาวนี้ เป็นพอร์ตที่สำคัญที่สุด แนะนำว่าควรจะมีพอร์ตนี้ติดมือกันเอาไว้ด้วย ซึ่งพอร์ตระยะยาว จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตสบายขึ้นในวัยหลังเกษียณ การลงทุนสำหรับพอร์ตนี้จึงควรเลือกกองทุนที่ต้องถือกันยาวๆ และอาจจะผสมผสานการลงทุนอสังหาฯ หรือหุ้นบางตัวมาผสมผสานไปด้วยได้
4. ติดตามพอร์ตและศึกษาการลงทุนสม่ำเสมอ
หลังจากลงทุนไปแล้วเราก็ควรติดตามพอร์ตการลงทุน ว่าเป็นไปตามที่เราคาดหวังไหม มีอะไรผิดพลาดหรือไม่แล้วเราสามารถปรับพอร์ตให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง รวมทั้งควรติดตามข่าวสาร เศรษฐกิจ สถานการณ์บ้านเมืองเพิ่มเติมเพื่อให้เราสามารถนำมาปรับใช้ในการจัดพอร์ตลงทุนของเราให้แข็งแกร่งขึ้นได้.
แม้ว่าการจัดพอร์ตจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่การจัดพอร์ตนี้จะไร้ความหมายถ้าหากว่าเราไม่เริ่มต้นลงทุนสักที รู้ตัวอีกทีเป้าหมายที่มีอาจหลุดลอยไปไกลเกินเอื้อมถึง เริ่มต้นนำ 4 วิธีที่เรานำมาฝากในวันนี้ไปปรับใช้กันได้เลย และอย่างที่ย้ำกันอยู่เสมอว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงคืออย่าลืมไปศึกษาหาข้อมูลกองทุนที่เราสนใจให้ดีก่อนเลือกลงทุนด้วยนะคะ เพื่อลดความเสี่ยงในการผิดหวังลงทุนไปไม่ได้กำไร ไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้เพราะคัดสรรกองทุนไม่ดีพอ