สำหรับมือใหม่ เล่น หุ้น ก็คงต้องมีคำถามในใจผุดขึ้นมามากมาย จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะลงทุนทั้งที มีเงินอยู่หนึ่งก้อน ก็อยากได้หุ้นสุดเจ๋งที่จะทำผลตอบแทนให้ได้ดี ๆ แต่การเลือกหุ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายสำหรับคนเริ่มลงทุน หลายคนจึงมักจะเลือกการติดตามกลุ่มเซียนหุ้นทั้งหลายแล้วซื้อตาม ซึ่งก็สามารถทำได้ แต่การเลือกหุ้นเองได้จะทำให้เรามีโอกาสกลายเป็นนักลงทุนที่สำเร็จได้มากกว่าเยอะ ทีนี้คำถามก็คือ แล้วเราต้องเลือกหุ้นยังไงดี เพื่อที่จะได้หุ้นเด่น หุ้นดี หุ้นที่มีคุณภาพเหมาะกับการลงทุน ?
ถ้าถามว่าหุ้นที่ดี คืออะไร ? ก็คงจะตอบว่าหุ้นที่ดี คือหุ้นที่สามารถทำกำไรได้นั่นเอง โดยหลักการเบื้องต้นแล้วมันจะต้องดูถึงอนาคตหุ้นตัวนั้นว่าจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้เราสามารถคัดเลือกหุ้นเด่นได้อย่างแม่นยำมากที่สุด ซึ่งในบทความนี้เราจะมือใหม่หัดลงทุนมาทำความเข้าใจพื้นฐานการเลือกหุ้นกันว่าต้องทำยังไงบ้าง ถึงจะได้หุ้นดีมีคุณภาพไปลงทุนกัน

5 วิธีคัดเลือกหุ้นดีเข้าพอร์ตสำหรับมือใหม่ เล่น หุ้น
การเลือกหุ้นเข้าพอร์ตมีหลายปัจจัยที่เราต้องวิเคราะห์ประกอบ เพราะไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่จะลงทุนแล้วทำกำไรให้เราได้ ในบางบริษัทถึงจะเคยให้ผลตอบแทนดี แต่ถ้าไม่มีการปรับตัวตามสถานการณ์โลกก็อาจจะราคาหุ้นคงที่หรือลดฮวบ ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างเรา ๆ ทั้งหลายติดดอยกันอยู่เป็นปี ๆ ก็มีให้เห็นมากมาย ไม่อยากเป็นหนึ่งในคนที่ลงทุนแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องดูก่อนว่าอยากหาหุ้นดีสักตัวลงทุนมีอะไรที่เราควรพิจารณาบ้าง ? แล้วเดี๋ยวเราจะแนะนำกันว่าเราสามารถหาข้อมูลประกอบการพิจารณาได้ที่ไหน จะมีอะไรบ้าง เรามีคำตอบ
1. ทำความเข้าใจบริษัทที่จะลงทุน
สิ่งแรกที่นักลงทุนควรทำในการเลือกหุ้น ก็คือ การทำความเข้าใจในบริษัทที่เราจะซื้อหุ้น บริษัทที่เราสนใจนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร ลักษณะธุรกิจเป็นยังไง ใครเป็นผู้ถือหุ้นบริหารหรือผู้ถือหุ้นหลัก รวมถึงศึกษาการแข่งขันในตลาดของธุรกิจนั้นด้วย ว่าคู่แข่งของบริษัทที่เราสนใจนั้นทำอะไรอยู่ บริษัทแถวสนใจเราจะสามารถเอาชนะและทำกำไรได้มากกว่าไหม เหตุที่เราต้องรู้จักบริษัทที่เราจะลงทุนก่อนเพื่อที่เราจะได้สามารถพิจารณาถึงปัจจัยในการเติบโตของธุรกิจนี้ในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้นนั่นเอง
2. ประเมินผลประกอบการที่ผ่านมา
อีกสิ่งที่ควรพิจารณาว่าหุ้นจะทำกำไรได้ไหม ควรดูว่าบริษัทสามารถเติบโตได้จริง มี อัตราส่วนผลตอบแทน (ROE) ที่สูงอย่างต่อเนื่อง มีผลประกอบการเป็นอย่างไร รวมถึงมีกระแสเงินสดเป็นอย่างไรตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งควรดูในระยะยาว ไม่ใช่ระยะเพียง 1 – 2 ปี แต่ควรดูตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปเพื่อดูแนวโน้มย้อนหลัง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สามารถสะท้อนภาพรวมของอนาคตได้
ค่า ROE = [(กำไรสุทธิ * 100)/ส่วนของผู้ถือหุ้น]*100
3. ประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสม
อีกหนึ่งสิ่งที่นักลงทุนมือใหม่มักจะหลงลืมในการเลือกหุ้น นั่นคือการประเมิน ราคาหุ้น ซึ่งเราสามารถพิจารณาได้จากอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) หากมีค่า P/E ที่ต่ำ แสดงว่าหุ้นตัวมีแนวโน้มที่กำไรจะลดลง เป็นการหามูลค่าที่แท้จริง เพื่อที่เราจะได้เข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม ไม่ต้องซื้อหุ้นที่แพงจนเกินไป เพราะในระยะยาวเราอาจจะขาดทุนโดยไม่รู้ตัว โดยส่วนใหญ่จะนำไปเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของธุรกิจที่ทำประเภทเดียวกัน เพื่อร่วมพิจารณาว่าหุ้นตัวนั้นถูกหรือแพงกว่าค่าเฉลี่ย รวมถึงควรลองคิดหาจุดคุ้มทุนว่าเราจะใช้เวลานานเท่าไรในการทำกำไรคืน
ค่า PE = ราคาต่อหุ้น/กำไรสุทธิต่อหุ้น
4. วิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตในอนาคต
ในส่วนนี้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญเลยสำหรับทั้งนักลงทุนมือโปรและมือใหม่ เล่น หุ้น เพราะเราจะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อบริษัทมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีในอนาคตหรือไม่ ซึ่งสามารถดูได้จากกราฟการเติบโตของหุ้นร่วมกับผลประกอบการย้อนหลัง พิจารณาเบื้องต้นจากค่า P/E ได้เช่นกัน โดยหากเปรียบเทียบบริษัทที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันแล้ว หุ้นของบริษัทที่มีค่า P/E สูงกว่ามักจะมีโอกาสเติบโตที่มากกว่า
นอกจากนี้บริษัทที่มีแนวโน้มจะไปต่อได้ดี มักจะมีรายได้สุทธิเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นตัวชี้วัดเบื้องต้นได้ว่า บริษัทนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีก ยังไม่นิ่งหรืออิ่มตัว และยังสามารถทำกำไรได้ในอนาคต

5. วิเคราะห์หุ้นร่วมกับ Mega Trend
กระแสหลักมาแรงของโลกหรือ Mega Trend เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในหากเรากำลังมองหาหุ้นดี เพราะเป็นแรงขับเคลื่อนระดับโลกที่จะกระทบต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ ยกตัวอย่าง Mega Trend ในอุตสาหกรรมทั้งหลาย เช่น รถยนต์ไฟฟ้าในวงการยานยนต์ การใช้กัญชาพัฒนายาในวงการสุขภาพ ไปจนถึงกระแสหลักมาแรงช่วงนี้อย่าง Metaverse ในวงการเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ บริษัทที่มีแนวโน้มจะไปต่อได้ ต้องมีการปรับตัวเข้ากับ Mega Trend ได้เก่ง ราคาหุ้นถึงจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ถ้าไม่ปรับตัว ก็บอกเลยว่าราคามีแนวโน้มที่จะคงที่หรือลดลงในอนาคต
สำหรับนักลงทุนมือใหม่หลายคนอาจจะยังสงสัยต่อว่าแล้วเราจะเอาข้อมูลที่กล่าวไปทั้ง 5 ข้อมาจากไหน ? เราสามารถเช็กพื้นฐานหุ้นได้ผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ไทย www.set.or.th ได้ฟรี เพียงค้นหาชื่อหุ้นที่สนใจลงไปก็จะมีข้อมูลแสดงขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลหลักทรัพย์ งบการเงิน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ข้อมูลและสิทธิประโยชน์ ไปจนถึงราคาย้อนหลังและปัจจุบัน แล้วก็ลองนำเอาวิธีที่เราแนะนำข้างบนไปลองดูกันก่อนตัดสินใจลงทึน
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้หุ้นที่ใช่สำหรับเราแล้ว ก็อยากจะแนะนำต่ออีกนิดว่า “อย่าเก็บไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” ควรเลือกไว้หุ้นดีไว้หลาย ๆ ตัว ในหลายอุตสาหกรรม เพื่อให้เราเลือกกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของเราได้ แทนถือหุ้นเพียงตัวเดียว เพื่อลดความเสี่ยงเมื่อราคาหุ้นตัวไหนตกก็ยังมีโอกาสได้กำไรจากหุ้นตัวอื่นอยู่บ้าง รวมทั้งหากตัดสินใจลงทุนแล้วก็อย่าลืมทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และปรับตามความเหมาะสมเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดตามต้องการ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดพอร์ตการลงทุน ที่นี่