ในบทความที่แล้วเราได้พูดถึงการเทรด Forex เบื้องต้นกันไป แล้วอีกหนึ่งสิ่งที่เราอยากพามารู้จักเพิ่มเติม เสริมแกร่งความรู้ในการเทรดด้าน Technical กันอีกสักนิดนั่นก็คือ Divergence หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Divergence ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวช่วยประกอบการตัดสินใจที่สำคัญที่จะใช้ในการช่วยเทรดของคุณมีโอกาสสำเร็จได้ง่ายขึ้น แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า Divergence คือ อะไร มีประโยชน์ยังไงบ้าง เรามีคำตอบมาให้
Divergence คือ อะไร

Divergence คือความขัดแย้งกัน ระหว่างราคาและตัวชี้วัด (Indicators) พูดง่าย ๆ ก็คือ ราคาจริงในตลาดเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหนึ่ง ตัวชี้วัดแสดงผลว่าราคาเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้เอง ทางเทคนิคจะเรียกว่ามันเป็นสัญญาณกลับตัวของราคา ซึ่งตรงนี้เองที่นักลงทุนจะนำมาใช้ในเลือกเข้าจับจังหวะเทรด ซึ่งประกอบด้วย 2 รูปแบบ ได้แก่
Bullish Divergence
Bullish หรือที่เราคุ้นหูกันว่า ตลาดกระทิง ก็คือตลาดในหลักทรัพย์นั้น ๆ อยู่ในขาขึ้น ถ้าหากว่ามี Divergence เกิดขึ้น จะเกิดเป็น Bullish Divergence หมายถึง ตลาดในหลักทรัพย์นั้น ๆ อยู่ในขาลง โดยราคาจริงทำราคาต่ำลงอีกเป็นจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) แต่ดัชนีดันชี้ว่าจะราคาจะทำราคาที่สูงขึ้นจากจุดต่ำสุดเดิม (Higher Low) เป็นสัญญาณว่ามีโอกาสเข้าสู่ทิศทางกลับตัวกลายเป็นขาขึ้นของราคา

Bearish Divergence
ในทางตรงกันข้าม Bearish หรือที่เราคุ้นหูกันว่า ตลาดหมี ก็คือตลาดในหลักทรัพย์นั้น ๆ อยู่ในขาลง ถ้าหากว่ามี Divergence เกิดขึ้น จะเกิดเป็น Bearish Divergence หมายถึง ตลาดในหลักทรัพย์นั้น ๆ อยู่ในขาขึ้น โดยราคาจริงทำราคาสูงขึ้นอีกเป็นจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) แต่ดัชนีดันชี้ว่าจะราคาขึ้นไปแต่ดันไปไม่ทะลุจุดสูงสุดใหม่ (Lower High) เป็นสัญญาณว่ามีโอกาสเข้าสู่ทิศทางกลับตัวกลายเป็นขาลงของราคา
โดยตัวชี้วัดหรือ Indicators ที่นักเทรดนิยมใช้ดูเปรียบเทียบในกราฟเพื่อดู Divergence ได้แก่ RSI, MACD, Momentum และ Stochastic
วิธีเทรดโดยดู Divergence เบื้องต้น
- รอดูสัญญาณยืนยันการกลับตัวของราคาก่อน จึงใช้จังหวะนี้ในการเข้าไปเทรด โดยตัวช่วยยืนยันสัญญาณอาจใช้เส้นค่าเฉลี่ย (EMA) หรือว่าระดับ Low/High ก่อนหน้า
- อีกวิธีคือ คือ ใช้การสังเกตบริเวณแนวรับ/แนวต้านก่อนหน้า เป็นตัวประกอบการตัดสินใจ โดยหากการเกิด Divergence ใกล้บริเวณแนวรับ หรือแนวต้านก่อนหน้าแสดงว่าราคามีโอกาสผ่านระดับดังกล่าวน้อยมาก

ดู Divergence ก็มีข้อควรระวัง
- ต้องค่อย ๆ พิจารณากราฟให้ดี อย่าตัดสินใจทันทีว่านี่คือ Divergence แล้ว เพราะ Divergence ไม่ได้เกิดบ่อยนัก จึงอยากให้ใช้เวลากับการเรียนรู้เรื่องการอ่านกราฟและการจับจังหวะให้ดีก่อนลงทุน
- การลงทุนมีความเสี่ยงอย่างที่เขาบอก เพราะกราฟที่เกิด Divergence ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเป็นไปตามทฤษฎี 100% แต่เป็นเพียงแนวโน้มทางสถิติที่มีโอกาสเกิดขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้น Divergence เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องกลับตัวทุกครั้ง ที่จริงแล้ว Divergence บอกเราเพียงแค่ ราคาที่วิ่งมีแนวโน้มอ่อนแรงลงเท่านั้นเองก่อนเข้าเทรดอย่าเพิ่งทุ่มสุดตัว ลงทุนแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปจนกว่าจะแน่ใจจะดีกว่า
Divergence เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเทรดสำหรับสายเทคนิคเลยทีเดียว หากเราเข้าใจและใช้ถูก ซึ่งอยากเตือนว่านักเทรดสายเทคนิคที่เก่งควรจะรอให้เป็น เน้นให้เห็นการเคลื่อนไหวในตลาดที่ชัดเจนก่อนเข้าไปลงทุน ไม่งั้นก็อาจจะไม่ต่างจากการเดา เลือศึกษาข้อมูลให้กระจ่าง ลึกซึ้งถึงวิธีที่เราจะใช้เป็นตัวช่วยในการลงทุนของเรา รับรองว่าการลงทุนของคุณจะมีโอกาสประสบความสำเร็จขึ้นมากเลยทีเดียว